อยากให้เล่าความรู้สึกหลังจากผ่านพ้นงาน BNK48 6th Single Senbatsu General Election หน่อย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง โล่งใจไหม หรือยังมีอะไรที่ยังกังวลอยู่
เจนนิษฐ์เคยพูด Speech ในงาน ซึ่งสิคกับเมมเบอร์ทุกคนก็รู้สึกคล้ายๆ กันเลย คือ มันจะดีใจสุดไหม ก็ไม่ จะเสียใจหรือเปล่า ก็ไม่ แต่สุดท้ายมันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างที่แฟนคลับให้เรา คือความจริงใจที่เขาทำให้เราอย่างเต็มที่ เราเองก็มีหน้าที่ตอบแทนเขาด้วยการทำซิงเกิลนี้ให้เต็มที่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในด้านไหนก็ตาม
ในช่วงเวลานั้นถึงมันจะรู้สึกอย่างละครึ่ง แต่สุดท้าย เราก็ดีใจกับเพื่อนของเราที่มีโอกาสอยู่ในซิงเกิลมากกว่า คือหนูร้องไห้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย พอรู้ว่าเพื่อนติด ส่วนเราเองก็คือต้องโฟกัสกับงานนี้ให้มากที่สุด รู้แล้วว่าได้รับโอกาสนี้ ได้อยู่ใน Front Line เพลง BEGINNER ก็อยากจะทำออกมาให้เต็มที่มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
รู้สึกยังไงกับอับดับที่ 3 ของตัวเอง
หนูเคยบอกแฟนคลับไว้ตั้งแต่ยังไม่มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ เขาก็บอกว่าสิคจะรู้สึกยังไงบ้าง ถ้าไม่ได้อันดับที่หวัง เราก็บอกว่าไม่อยากให้ทุกคนไปกดดันตัวเอง ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม มันคือสิ่งที่เราทำออกมาได้ดีที่สุดแล้ว อยากให้เขาภูมิใจกับสิ่งที่ร่วมสร้างมาด้วยกัน ต่อให้มันจะดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่หนูก็ทำเต็มที่มากที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้น อย่ากดดันตัวเอง แล้วหนูก็รู้สึกดีใจกับตำแหน่งที่หนูได้รับ
ซิงเกิลก่อนหน้านี้ ไม่ได้เห็นการ Ranking ที่ชัดเจนในการจัด Senbatsu แต่ในงาน General election ครั้งนี้ มันทำให้เราสามารถเห็น Ranking แบบชัดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นอันดับ หรือแม้แต่คะแนนโหวต มันทำให้เกร็งหรือเครียดกว่าปกติบ้างไหม
มันก็คล้ายๆ งานที่ประกาศความเป็นจริงว่าแบบแต่ละคนเป็นยังไง จะบอกว่าความเป็นจริงได้ไหม มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว คือความพยายามของแฟนคลับที่เขาทุ่มมา บางคนเขาอาจจะซุ่มเก็บมานานก็ได้ เขาไม่ได้มาทุ่มกันต่อหน้า แต่ตัวหนูไม่ได้มีความรู้สึกกับตรงนี้มากมายขนาดนั้น คือเรารู้แหละว่าแฟนคลับทำเต็มที่ แต่เราจะไปรู้สึกกับเหล่าเมมเบอร์ที่แบบว่าเขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสขึ้นติดซิงเกิลหลัก หรือซิงเกิลรอง แต่ว่าในตอนนี้เขาได้มีโอกาสที่จะมาติดแล้ว ก็คือเหมือนเป็นการแสดงศักยภาพอย่างนึงด้วยว่า
แม้ใน Official จะว่ายังไม่ได้ให้โอกาสเขาในตอนนั้น แต่ตอนนี้เขาได้รับโอกาสเต็มที่จากแฟนคลับที่เขารัก สำหรับเพื่อนบางคนก็อาจจะเคยคิดว่า ตัวเองอยู่เป็น Undergirls อยู่ท้ายๆรึเปล่า แต่ตอนนี้มันก็เหมือนบอกให้รู้ว่าอย่าไปคิดแบบนั้นนะ เพราะว่าตอนนี้เขาเองก็ทำให้เราเต็มที่แล้ว
ถ้าเกิดมี General election อีก จะลงสมัครไหม
ยังไม่ค่อยแน่นอนสักเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะได้เป็นที่หนึ่งจริงๆ มันค่อนข้างยาก เพราะว่ามันคือการแข่งขันกัน ทุกคนก็ต่างสูสีกันไปมา สิคเองก็ไม่อยากให้แฟนคลับเสียเงินไปเยอะ เพราะรู้สึกว่าต่างคนก็ยังต้องมีชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป ยังต้องกินข้าว ทำนู่นทำนี่ ทำนั่น แล้วการที่เขาจะมาลงเงินให้พวกเราขนาดนี้ ต่อให้มันเป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข ที่เขากล้ามอบให้เรามากขนาดนี้ แต่เราเองก็อยากคำนึงถึงชีวิตประจำวันของพวกเขาด้วยว่า เอ๊ะ เขาจะหมุนเงินทันหรือเปล่า
อยากให้พูดถึงซิงเกิล BEGINNER ว่ามีความยากง่ายจากซิงเกิลอื่นๆ ยังไงบ้าง
จริงๆ แล้วซิงเกิล BEGINNER ถือเป็นเพลงที่มีท่าเป็นเอกลักษณ์อยู่นะ แฟนคลับจะจำได้ตั้งแต่สมัยรุ่นพี่แล้ว คือท่าเหล่านั้นเป็นท่าที่ค่อนข้างจะยากพอสมควร ยากตรงที่ท่าไม่พร้อมกัน ตัวเราอาจจะทำได้ไม่ยากก็จริง แต่เพื่อนบางคนอาจจะทำไม่ได้ก็ได้ เพราะมันเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้มาติดซิงเกิลนี้ ความยากก็คือ ทำยังไงให้มันพร้อมเพรียงกัน
ตอนที่อัดเพลง เราต้องร้องให้มีฟีลลิ่งที่หนักแน่นมากๆ เพราะปกติพวกเราเคยร้องเพลงแบบสดใสๆ พอเอามารวมกันมันก็ต้องใส่ฟีลลิ่งขึ้นไปอีก ยากทั้งการร้องการเต้นพอสมควร แล้วก็ต้องจำท่าเต้นให้ได้ภายในวันเดียวด้วย ตอนแรกโจทย์ที่ได้รับมาก็คือต้องจำให้ได้ภายในวันเดียว แต่สุดท้ายก็คือก็ยังยากกว่าอยู่ดี ก็เลยต้องใช้สองวัน
คำว่า BEGINNER คืออะไรในความคิดของมิวสิค
จริงๆ ในเพลงนี้ก็กล่าวไว้หมดแล้ว ว่าแบบไม่ว่าใคร จะมาจากไหน สุดท้ายเราก็คือ BEGINNER บางทีเราอาจจะทำผิดพลาด แต่ว่าเราก็สามารถกดปุ่มรีเซ็ตกลับเป็นศูนย์ก็ได้ แล้วก็แบบเรากำลังเริ่มต้นไปพร้อมกันใช่ไหม มองเห็นอนาคตข้างหน้าใช่หรือเปล่า ก็คืออยากให้มุ่งต่อไปไม่มีท้อ สู้ไปสุดแรงก็ไม่มีถอย
ใน MV เพลง BEGINNER มีการพูดถึงด้านมืด (Darkside) ด้วย ก็เลยอยากรู้ว่า ด้านมืดในความคิดของมิวสิคคืออะไร
สำหรับสิคก็คืออินเตอร์เน็ต เพราะว่าตั้งแต่ตอนแรก คือวงของรุ่นพี่อาจจะมีเลือกได้ว่าเราอยากจะมีโซเชียลมีเดียหรือเปล่า แต่ว่าในกรณีของ BNK48 เราจำเป็นต้องมีเพราะเป็นการขยายฐานแฟนคลับอย่างนึง การมีอินเตอร์เน็ตก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นตัวที่รับส่งความรู้สึกที่ดีระหว่างแฟนคลับกับเมมเบอร์ แต่ในทางกลับกันมัน ก็เป็นสิ่งที่ทำร้ายเมมเบอร์ได้ด้วยเหมือนกัน การที่เราเสพมากเกินไป หรือว่าคำพูดบางอันที่มันย้อนกลับมาทำร้ายเราโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรือว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราต้องรับมือกับสถานการณ์นั้นให้ได้
อย่างนี้เราควรจะกำจัด Darkside ออกไป หรือควรจะอยู่ร่วมกับมันให้ได้
กาลเวลาและประสบการณ์จะหล่อหลอมให้เรากลายเป็นคนที่ดาร์กมากขึ้นด้วยเช่นกัน ก็ยอมรับว่าตอนแรกเมมเบอร์ทุกคน ก็อาจจะเป็นอีกคนที่ไม่รู้อะไร แต่การอยู่ในวงนี้นานขึ้น ได้แบบว่าเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงมากขึ้น ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ มากขึ้นด้วยเช่นกัน
Darkside เริ่มก่อตัวจากอินเตอร์เน็ต แต่ว่ามันก็เป็นอะไรที่เยียวยาได้ด้วยเหมือนกัน
เรื่องอะไรในชีวิตที่มิวสิครู้สึกว่ายังเป็นได้แค่ BEGINNER ยังก้าวข้ามไปไม่พ้นสักที
น่าจะเป็นการเรียนค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่คนจะมองว่า ไอดอลจะเป็นภาพลักษณ์ในเรื่องการเรียน เป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม แต่งซึ่งจริงๆแล้วในทางกลับกัน คือสิคเป็นเด็กสายกิจกรรม การเรียนแทบไม่เอาไหนเลย แต่ว่าเราเองก็อยากให้กับแฟนคลับภูมิใจเราบ้าง
เมื่อก่อนเราก็เคยตั้งใจเรียน ให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่ปัจจุบันเราตั้งใจเรียนให้กับแฟนคลับและพ่อแม่ภูมิใจ มันก็เลยยิ่งกดดันมากขึ้นไปอีก แล้วต่อให้พยายามมากเท่าไหร่ เกรดมันก็ไม่ขยับขึ้นเลยค่ะ หรือจะเป็นเรื่องทำงานด้วย มันก็เลยเป็นเรื่องที่รู้สึกว่ายังเป็น BEGINNER มาก
สักวันหนึ่งก็อยากจะรับปริญญาแล้วก็มาให้แฟนคลับได้ภูมิใจบ้าง หรือไม่ก็อยากไปเรียนต่างประเทศ
พูดเรื่องหนัง Where We Belong หน่อย เป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ สำหรับสิ่งที่สิคชอบมากที่สุดก็คือ เราได้มีโอกาสไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัดตามตัวเรื่องในหนัง ชอบมากตรงที่ปกติเราต้องทำงานทุกวัน แต่การถ่ายหนังมันเป็นเหมือนช่วงได้พักระยะหนึ่งของเราเลย เราได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่คนต่างจังหวัดตรงนั้นเป็นยังไงบ้าง สภาพอากาศที่นั่น ได้มีโอกาสไปกินก๋วยเตี๋ยวที่แบบเขากินกัน ก็เลยรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ต่อให้ตื่นเช้าสักเท่าไหร่ แต่เรามีความสุขที่เราจะได้ไปถ่ายหนัง
แล้วผู้กำกับและพี่ๆ ในกอง ก็ใจดีกับพวกหนูมาก เขาแบบพร้อมจะซัพพอร์ตทุกเรื่องเลย มันอาจจะเป็นเรื่องใหม่ๆ ที่สิคต้องไปทำและฝึกฝนในหนัง ซึ่งก็อยากให้ทุกคนคอยติดตามกัน แล้วก็อยากให้รู้ด้วยว่า สิคเองก็เสียน้ำตากับแบบบทในหนังมาเยอะเหมือนกัน อาจจะไม่ได้เป็นแบบว่าเรื่องของการแสดงที่ต้องเสียน้ำตา แต่ว่าเป็นเรื่องของความพยายามที่ก่อนจะออกมาเป็นผลงาน ที่เราพยายามและเสียน้ำตาไปกับมันค่อนข้างเยอะ
ถ้ามิวสิคได้มีโอกาสสลับ Position กับเมมเบอร์คนไหนก็ได้ในเพลง BEGINNER หนึ่งวัน อยากสลับกับใครมากที่สุด
อยากสลับกับเจนนิษฐ์สักวัน เพราะว่าอยากลองพูด In your position. Set! คือก่อนหน้านี้มีเธียเตอร์วันเกิดหนู แล้วเจนนิษฐ์ไม่ได้ขึ้น แต่ว่าอีกคนมาขึ้นแทน หนูก็เลยบอกว่าขอพูดแค่คำนี้ แล้วกระโดดไปที่อื่นได้ไหม แล้วเขาก็แบบ อ่ะๆ ก็ได้ๆ ถือว่าเป็นวันเกิดสิค
อยากให้พูดถึงแฟนคลับของหมานุ่มหน่อย
เมื่อก่อนก็เคยมีช่วงที่แบบว่า เราเองก็รู้สึกท้อ เราก็รู้สึกเหมือนไม่มีใคร หลายๆ คนอาจจะมองว่า สิคก็มีแฟนคลับเยอะนะ ทำไมถึงยังคิดว่าไม่มีใคร มันก็เป็นช่วงที่อาจจะไขว้เขว เป็นช่วงที่ทำให้เรารู้สึกท้อถอยแบบบอกไม่ถูก แต่ว่าก็ต้องขอบคุณพวกเขาที่ยังคงบอกสิคเสมอมาว่าเขายังอยู่ตรงนี้นะ มันอาจจะมีช่วงที่หนูท้อ แล้วหนูเหมือนลืมพวกเขาไปบางช่วงเหมือนกัน แต่เขาก็ยังคงส่งกำลังใจให้หนูเสมอมา
อารมณ์ของเด็กผู้หญิงมันก็ต้องมี แบบว่าอิจฉาคนนู้น คนนี้ คนนั้น แต่พอพวกเขายังอยู่ แล้วก็บอกให้เรารู้ว่า เรายังมีพวกเขาอยู่ตรงนี้ มันก็เลยทำให้เรารู้จักกับการที่พอเราอยู่ตรงนี้แล้วมีคนรักเรา มันก็โอเคแล้ว
บางทีคนที่เขามาต่อว่าเรา ไม่ใช่ว่าไม่ฟังนะ แต่ไม่รู้ว่าเขาต่อว่าด้วยเหตุผลอะไรของเขา อาจจะเป็นการติเพื่อก่อ หรือว่าติเพื่อให้เราคิดได้อีกที เราก็เหมือนต้องรับฟังเขา แต่ก็คืออย่ารับฟังมากจนเกินไป แต่สิคเองก็จะบอกแฟนคลับสิคเสมอว่า ถ้าสิคทำอะไรไม่ดี ให้บอกนะ ไม่ใช่ปล่อยไปแล้วก็คิดว่าหนูทำดีแล้ว ให้บอกมาเพราะว่าสิ่งที่เราต้องการคือการพัฒนา เราต้องการการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่การที่พอแล้ว แล้วก็หยุดแค่ตรงนี้
สิคก็เลยจะบอกให้แฟนคลับของสิคคอยช่วยตักเตือนเสมอมา เพราะนั้นเวลาที่เราอยู่ด้วยกันอะมันก็เลยเป็นเหมือนเราเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ใช่การซัพพอร์ตเราอยู่ข้างหลัง แต่เขากำลังเดินไปข้างๆ พร้อมกันกับเรา
หลายคนก็บอกว่า ถ้าสิคท้อให้หันมามองข้างหลังนะ หนูก็จะบอกว่า หันไปข้างหลังแล้วไม่เจอใครเลย เพราะเจอแต่คนที่เดินอยู่ข้างๆ มากกว่า มันก็เลยเป็นความรู้สึกอบอุ่น ที่เหมือนกับว่าเราไม่ได้มองเขาเป็นแค่แฟนคลับ แต่เขาคือคนที่คอยซัพพอร์ตพวกเรา ให้เราเดินก้าวไปข้างหน้าได้ด้วย คือเขาจะไม่ถีบเราลงมาด้วยการอวยเราจนเกินไป เขาจะพร้อมซัพพอร์ตเรา คือทั้งติทั้งชมเราในทางที่ถูกต้อง
คำถามสุดท้าย อยากให้มิวสิคช่วยตั้งชื่อบทสัมภาษณ์บทนี้ให้หน่อย
“ผวา interview” จริงๆ ชื่อจริงสิคคือ แพรวา แต่หนูมักจะถูกล้อว่า ผวา เสมอเลย เรียกแบบเพี้ยนๆ หน่อย เวลาหนูทำคอนเทนต์อะไรสักอย่าง คอนเทนต์แต่งหน้าอะไรอย่างนี้ ทุกคนจะอ่านว่า “ผวาเมคอัพมาแล้ว” อันนี้ก็เลยเป็นผวา interview ค่ะ
คุยนอกเรื่อง
ตอนนี้มิวสิคตัดผมสั้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าแฟนคลับจะไม่ได้มองว่ามิวสิคเป็นไอดอลน่ารักๆ อีกต่อไปแล้ว แต่จะมองว่าเป็น Cute boy แทน มิวสิคคิดยังไงกับเรื่องนี้
ตอนแรกก็ทำใจนานเหมือนกันกว่าจะตัดได้ คือก่อนหน้านี้ สิคจะเป็นคนที่ผมยาว ผมหนาๆ มันจะดูปิดๆ หม่นๆ ไปหมดเลยค่ะ แต่ว่าพอตัดแล้วแฟนคลับบางคนก็บอกว่ามันดู Shine ขึ้นนะ เพราะว่าปกติเราจะเอาผมปิดหน้า แต่ผมสั้นมันทำให้เราดูมีความกล้ามากขึ้น กล้าที่จะพูด
ก็ต้องยอมรับเลยว่า ตัวละครในหนังเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาชีวิตของสิคให้มีความกล้าด้วย มันมีคาแรคเตอร์บางอย่าง เขามีความกล้าหาญบางอย่างที่สิคไม่มี เขาก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีตรงนี้ก็เลมาซัพพอร์ตเราให้เรากล้าที่จะทำมากขึ้น ต้องขอบคุณตัวละครนะ จริงๆ ถ้าไม่มีเขา หนูก็คงไม่มีทางได้เป็นมิวสิคในวันนี้ได้
– Minutes With Music BNK48 –